ลู่ไจ่เย่ออกจากบ้านของโจววั่ง แล้วก็ไปโรงพยาบาล ระหว่างทางเดินบังเอิญเจอเหวินเหยียนโจวที่เพิ่งเย็บแผลใหม่เสร็จ และถูกพยาบาลเข็นไปที่ห้องผู้ป่วย ซิ่วอวี้เดินประกบอยู่ข้างเตียงและกำลังพูดคุยกับเหวินเหยียนโจว ลู่ไจ่เย่ก็รีบทักทาย "พี่โจว พี่อวี้" เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ เห็นสีหน้าของเหวินเหยียนโจวถึงกับขมวดคิ้วและถอนหายใจ "แผลของพี่โจวสาหัสขนาดนี้เลยหรอ? งั้นแสดงว่าผมลงมือเบาไปอย่างงั้นเหรอ?" "ลงมืออะไร?" ซิ่วอวี้ถามเสร็จก็เดาออกว่า "นายไปหาโจววั่งแล้วเหรอ?" "ใช่แล้ว เรื่องที่หมู่บ้านซิงฮวาผมจัดการให้แล้ว" ลู่ไจ่เย่ยื่นสัญญาในมือให้เหอชิงและคว่ำมุมปากเบา ๆ "พวกเขาจะย้ายออกไปคืนนี้" แต่ซิ่วอวี้กลับอยากรู้อยากเห็น "นายทําได้ยังไง?" "ไม่ได้ทําอะไร ก็แค่ให้เขายอมคุกเข่าให้ผม" พอพวกเขามาถึงหน้าประตูวอร์ดแล้ว เสียงพูดของพวกเขาก็ดังไปถึงโหลวฉางเยว่จนเธอได้ยิน ลู่ไจ่เย่ "ผมถือว่าผมมาช้าไปหนึ่งก้าว ขาข้างหนึ่งของโจววั่งเพิ่งถูกคนอื่นหักไป แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร" นายกำลังจะบอกว่า ในขณะที่โจววั่งขาหักอยู่ นายให้เขาคุกเข่าให้นาย ลู่ไจ่เย่โหดเหี่ยมขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่โจววั่
โหลวฉางเยว่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเหวินเหยียนโจวถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าต้องอธิบายอะไรหน่อยเหรอ?”โหลวฉางเยว่ "คุณจะให้อธิบายอะไร ให้มอบช่อดอกเบญจมาศให้ไหม แทนที่จะขอให้ฉันอธิบาย แค่พูดตรงๆมาว่า ถ้าไม่ช่วยรินน้ำให้ คุณจะปล่อยรูปถ่ายของฉันออกไป'" แบบนี้ฉันก็จะเชื่อฟังแล้วรินน้ำให้ตั้งนานแล้วค่ะ""..."ท้ายที่สุดเหวินเหยียนโจวก็หัวเราะเยาะเธอว่า "ใช่ ถ้าคุณทำให้ผมโกรธ ผมจะปริ้นรูปถ่ายของคุณออกมาและติดไว้บนหน้าหลุมศพของผม ให้ทุกคนเห็นกันให้หมดเลย"โหลวจางเยว่อดไม่ได้ที่จะถามว่า "คุณบ้าหรือเปล่า"เหวินเหยียนโจวเม้มริมฝีปากและเลิกต่อปากต่อคำกับเธอ จากนั้นยกผ้าห่มขึ้นและกดแผลไว้ เหมือนว่าเขาจะฝืนลุกจากเตียงเพื่อไปรินน้ำและล้มลงทันทีโหลวฉางเยว่จ้องมองเขา กลัวว่าบาดแผลของเขาจะเปิดเป็นรอบที่สองและจะถูกส่งไปที่ห้องผ่าตัดกลางดึกอีกลู่ไจ่เย่อยู่ที่นี่ และเขาได้ยินว่าเหยียนโจวตามตัวเขาอยู่ ใครก็ไม่สามารถทำให้ลูกพี่โจวของเขาอึดอัดได้ ไม่เช่นนั้นโจววั่งจะลงมือจัดการเองเธอเดินไปหยิบเหยือกน้ำ เทใส่แก้วน้ำแล้วยื่นให้เขา "ถ้าอยากดื่มน้ำไม่เรียกเหอชิงมาหน่อยเหรอ เธออยู่ข้างนอกนะ"เห
โหลวฉางเยว่ขมวดคิ้ว เดินเข้าไป ก้มลง และช่วยเขาถอดออกด้วยมือเดียวผมของเธอร่วงลงมาถึงหน้าอก เหวินเหยียนโจวหันศีรษะไปด้านข้างโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้กลิ่นหอมจางๆ จากตัวของเธอเขาเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่ดั้งจมูกของเธอ เพราะอยู่ใกล้มาก จึงมองเห็นขนเล็กๆ ที่ปลายจมูกของเธอด้วยและต่ำไปอีกคือริมฝีปากของเธอดวงตาของเหวินเหยียนโจวเริ่มพร่ามัวตอนผมของเธอปาดไหล่เขาโดยไม่ได้ตั้งใจเขานึกถึงตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องทำความสะอาดเมื่อไม่นานมานี้ตอนนั้นเขาโกรธมากเพราะพบว่าซางฉือสุนแอบสนใจเธอ ถึงขนาดไปพบเธอด้วย ถ้าเขาทำอย่างนั้นก็สั่งสอนบทเรียนสักหน่อย แต่เขาไม่ได้หมกมุ่นในราคะ ไม่ได้มีความต้องการอะไรแบบนั้นเลยจนตอนนี้รู้สึกเสียใจเล็กน้อยโหลวฉางเยว่รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากอยู่ด้วยกันมาสามปีเธอก็เข้าใจทันที จึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างระมัดระวังแต่เหวินเหยียนโจวก็ระงับความปรารถนาในดวงตาชั่วขณะหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอกำลังมองอยู่ เขาก็เลิกคิ้วและเร่งเร้าเธอ “เร็วหน่อย จะทิ้งผมให้ตากลมอีกนานแค่ไหน? หรืออยากให้ผมเป็นหวัดตอนที่ได้รับบาดเจ็บ ยิ่งไปเพิ่มอาการป่วย
เมื่อคืนตอนเช็ดร่างกาย โหลวจางเยว่รู้สึกว่าจิตใจไม่สะอาด โดยเฉพาะตอนที่ผมของเธอมีกลิ่นดินเหนียว เธอทนมาวันนึงแล้ว แต่ก็ยังทนไม่ไหวเธอขอพลาสติกแรปจากพยาบาล เพื่อห่อมือที่บาดเจ็บไม่ให้โดนน้ำ และพยายามไม่ขยับมือเพื่อจะได้ล้างตัวด้วยฝักบัวได้แม้พื้นที่ของห้องพักผู้ป่วยพิเศษค่อนข้างใหญ่ ก็ได้ยินเสียงข้างห้องปกติ สามารถได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำได้ชัดเจนเหวินเหยียนโจวอยู่บนเตียงคนไข้ กำลังประชุมวิดีโอคอลกับลูกค้าต่างชาติ เมื่อได้ยินเสียงน้ำเขาก็ไม่มีสมาธิลูกค้าตะโกนเรียกเขา “โจว?”เหวินเหยียนโจวรู้สึกตัวแล้วพูด “อืม” เบาๆ หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำที่เย็นลงแล้วอึกนึงเมื่อเห็นว่าเขาสวมชุดผู้ป่วย ลูกค้าก็ไม่กล้ารบกวน “โจว ถ้าคุณไม่สบาย ก็พอแค่นี้ก่อนเถอะ”“ไม่จำเป็นครับ ประชุมต่อเลย” หากไม่มีการประชุมเพื่อหันเหความสนใจของเขา เขาคงคิดถึงบางอย่างที่ลึกซึ้งมากกว่านี้แม้ว่าตอนนี้มันจะมากไปแล้วก็ตาม...ความคิดของชายและหญิงมีบางจุดที่แตกต่างกันจริงๆผู้หญิงมักจะนึกถึงสิ่งดีๆที่ผู้ชายทำให้เธอ เช่น วันที่ร้อนก็ส่งร่มให้ วันที่หนาวก็ส่งผ้าพันคอให้ รายละเอียดที่ไม่สำคัญ กลับทำให้เธอจำได้อย่างลึกซึ้ง
โหลวฉางเยว่หันกลับไปมองเขาเหวินเหยียนโจวยื่นผ้าเช็ดตัวให้เธอแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่รีบ คุณไม่รีบก็ดี”โหลวฉางเยว่ไม่รีบได้อย่างไร แม่ของเธอยังไม่หายดี เธอก็กระวนกระวายใจทั้งวันแต่เพราะทุกครั้งที่เธอโทรหาพี่สาวคนโต พี่ก็บอกว่าแม่อาการคงที่ เธอก็กังวลน้อยลง และยังมีเวลาคิดอีกครั้งเธอไม่ยอมเลือกเหวินเหยียนโจว ดังนั้นจึงหาทางอื่นเธอรับผ้าเช็ดตัวมาอย่างเงียบๆ ไปเข้าห้องน้ำ ทำแบบเดิมอีกรอบ แล้วยื่นให้เขาเหวินเหยียนโจวเปลี่ยนอริยาบถ “ช่วยผมเช็ดหลังเอวหน่อย เลือดแห้งเลยคันนิดนึง”โหลวฉางเยว่ “ฉันไม่...”“เทคโนโลยีหัวใจเทียม ได้รับการพัฒนาและมีผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ แต่จากสภาพของแม่คุณตอนนี้ บินระยะไกลไม่ไหวหรอก ยิ่งคุณไปต่างประเทศ อยู่ในที่ต่างถิ่น คุณก็อ่อนแอมากขึ้น”โหลวฉางเยว่กำผ้าเช็ดตัวแน่น ใช่ เธอเคยคิดจะไปต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดไปเพราะเหตุผลที่เขาบอกเหวินเหยียนโจวส่งสัญญาณให้เธอเช็ด เธอจึงเช็ด เขาช่วยเธอหาทางได้จังหวะที่เธอช่วยเขาติดกระดุมข้อมือ วิธีที่ปฏิบัติต่อกันก็กลายเป็น “การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน”โหลวฉางเยว่คิดอยู่สามวินาที ยอมรับ “การแลกเปลี่ยน
เสิ่นซู่ชินที่อยู่ข้างนอก เดิมอยากผลักประตูเข้าไป แต่บทสนทนาที่ออกมาจากห้องผู้ป่วยพิเศษทำให้มือเขาหยุดกลางอากาศเปลือกตาของเขาตกลงเล็กน้อย แว่นตาย้อนแสง ทำให้มองไม่เห็น อารมณ์ในตาเขา แค่รู้สึกว่ารอบตัวเขามีแต่เรื่องหดหู่เขาคิดว่าดอกไม้ที่รดน้ำเริ่มงอกเงยแล้ว ดูเหมือนจะเป็นเพียง จินตนาการของเขา จริงๆ แล้วเมล็ดพืชไม่เคยงอกเลยสักพักเขาก็หันหลังกลับและจากไปอย่างเงียบๆเหวินเหยียนโจวตะคอกหลังจากโหลวฉางเยว่เช็ดทำความสะอาดเสร็จ เขาก็ยืดตัวขึ้นทันที และพูดอย่างใจเย็น “ประธานเหวินไม่จำเป็นต้องทำเหมือนว่ารู้จัก ฉันดี ฉันไม่ได้เอ่ยปากกับศาสตราจารย์เสิ่น เพราะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ศาสตราจารย์เสิ่นจะช่วยฉันเองค่ะ”อารมณ์เหวินเหยียนโจวอ่อนลงเล็กน้อย “ในใจคุณ เขาดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”โหลวฉางเยว่พูดอย่างตรงไปตรงมา “เขาเป็นคนดีที่สุดที่ฉันเคยเจอมา ไม่เคยขออะไรตอบแทนเลย แถมช่วยฉันด้วยความสมัครใจ”เหวินเหยียนโจวยิ้มหยัน หัวเราะที่เธอไร้เดียงสาเกินไปโหลวฉางเยว่คร้านจะโต้เถียงกับเขา หยิบชุดผู้ป่วยที่สะอาด แล้วโยนให้เขา จากนั้นออกจากห้อง ตั้งใจจะไปหาเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวเข้าพักในโ
เสิ่นซู่ชินส่งข้อมูลที่พวกเขารวบรวมที่หมู่บ้านซิ่งฮวาในภูเขาซิ่งหลินไปให้ โหลวฉางเยว่โต้รุ่ง ให้น้ำเกลือไปด้วยจัดข้อมูลไปด้วยมือข้างที่เจ็บขยับได้แล้ว ประสิทธิภาพยังพอรับได้ เธอเป็นคนที่เมื่อทำงานจะลืมเรื่องอื่นไปรอเธอทำงานเสร็จก็เห็นว่าถุงน้ำเกลือว่างเปล่า พยาบาลก็เอาถุงน้ำเกลือไปโหลวฉางเยว่เห็นชื่อคนออกยาบนถุงน้ำเกลือ ต่างจากชื่อที่เธอได้รับเมื่อสองวันก่อน เมื่อคิดได้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปชื่อบนถุงอย่างเงียบ ๆเสิ่นซู่ชินบอกว่าเขาไม่สามารถกลับมาส่งอาหารกลางวันให้เธอได้ เดิมเขาบอกจะสั่งดิลิเวอรี่ให้ แต่โหลวจางเยว่ดูแลตัวเองได้ เธอลงไปหาอะไรกินเองได้ ไม่อยากเพิ่มภาระให้เขาเป็นเวลาเที่ยงแล้ว โหลวฉางเยว่บิดขี้เกียจ ลงจากเตียง สวมเสื้อคลุม และเตรียมหาอาหารเหวินเหยียนโจวเงยหน้าขึ้นจากโน้ตบุ๊ก “ห่อกลับมาให้ผมด้วยหนึ่งชุด แจ้งให้ทราบ ผมพาคุณไปดูโชว์ตอนบ่ายได้นะ”“ฉันลืมแน่ๆ ประธานเหวินให้เลขาเหอซื้อให้ดีกว่าค่ะ” โหลวฉางเยว่แกล้งยิ้มโดยไม่สนใจ “ละคร” ที่เขาพูดถึง เหวินเหยียนโจวเอนหลังพิงหัวเตียง วันนี้อากาศดี แสงนอกหน้าต่างตกกระทบนัยน์ตาเขา เห็นเขาคิดคำนวณโหลวฉางเยว่ออกจากโรงพย
ใบหน้าของโจววั่งจมอยู่ในกรวดโคลน และอยู่ใต้รองเท้าหนังด้วย เขากัดฟันพร้อมสาปแช่ง “ไอ้เหี้ยนี่ ถ้าทำได้ก็ฆ่าฉันตอนนี้เลย! ไม่งั้นชั้นฉันจะตามแก้แค้นแกแน่”เสิ่นซู่ชินเฉยเมย ดูสงบมาก แต่เท้าเพิ่มแรงกดมากขึ้น ทำให้โจววั่ง จมลงพื้นอีกเซนเขาทำงานเรื่องการทดลองสถิติได้ดี ผลคือคนๆ นี้ซุ่มโจมตีอยู่ตรงมุมห้อง พยายามจู่โจมเขาน่าเสียดายที่ขาหักข้างนึง ไม่ใช่คู่ปรับเขา ไม่ต้องเสียแรงเยอะ ก็โดนเขาหยียบย่ำง่ายดายเหมือนขยะใต้เท้าปกติในตอนกลางวันแสกๆในที่สาธารณะ บางคนอาจเห็นเขาได้ทุกเมื่อ ศาสตราจารย์เสิ่นจะปกปิดตัวตนไว้ จะไม่ลงมือกับเขาแต่ใครให้ยัดปากกระบอกปืนใส่เขาล่ะ?วันนี้เขารู้สึกหดหู่ใจเพราะได้ยินบทสนทนาระหว่างเหวินเหยียนโจวและโหลวฉางเยว่เมื่อคืน เขายังคิดว่าถ้าโจววั่งไม่ลักพาตัวโหลวฉางเยว่และวางยาเธอคืนนั้น โหลวฉางเยว่ก็จะไม่ถูกเหวินเหยียนโจวพาตัวไป ระหว่างพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดอกไม้ที่เขารดน้ำก็ไม่เหี่ยวเฉา“คนที่เริ่มคือแกนะ” เสิ่นซู่ชินก้มลงกระซิบเบา ๆ “ฆ่าแกแล้วจะได้อะไร ให้แกมีชีวิตอยู่ต่อ น่าสนใจมากกว่าแกตายอีก”“…”โหลวฉางเยว่อยู่ในรถ ที่จอด ไกลมาก ไม่ได้ยินว่า เสิ่นซุูชินพูด
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ